กองหน้าร่าเริง - ศิลปินน้อย

 

ศิลปินน้อย 

จากนิตยการ “กองหน้าร่าเริง”   ฉบับที่ 173

 

วันนั้นอากาศร้อนอบอ้าว  คุณพ่อชาลีออกเดินไปตามฝั่งแม่น้ำซึ่งมีต้นไม้ขึ้นเรียงรายให้ความร่มเย็น  เด็กชายคนหนึ่งอายุประมาณ 14 ขวบกำลังนั่งอยู่ริมแม่น้ำตอนที่คุณพ่อชาลีจะเดินผ่านไป  เด็กคนนี้ลุกพรวดพราดพร้อมที่จะวิ่งหนี  แต่มือของคุณพ่อแตะไหล่ของเขาไว้เป็นการปลอบโยนไม่ให้ตกใจ  ในมือเด็กมีอะไรสิ่งหนึ่งซึ่งเขาพยายามซ่อนเร้นให้พ้นสายตาของคุณพ่อ

“นั่งตรงนี้สบายดี  ลมก็เย็น  น้ำก็ใส....  ขอพ่อนั่งด้วยคนเถิดนะ....  เธอชื่ออะไร?”

“ผมชื่อจิตรครับ”

“ชื่อเพราะดี  เธอไปวัดในวันอาทิตย์บ้างไหม?”

“ไม่ได้ไปเลยครับ  ลุงผมไม่ชอบให้ใครไปวัด  ลุงให้ผมทำงานที่โรงงานทำกระเบื้องทุกวัน...”

“เธอไปโรงเรียนหรือเปล่า?”

“เปล่าเลยครับ”

คุณพ่อซักถามต่อไปก็ได้ความว่า  ลุงของเด็กคนนั้นไม่ต้องการให้หลานไปโรงเรียนเพราะลุงเห็นว่าหลานปัญญาทึบ  ถ้าขืนให้เรียนก็เสียเวลาเปล่า

“เมื่อตอนที่พ่อมาถึงที่นี่   เธอกำลังทำอะไรอยู่?”

“ผมจะให้คุณพ่อดูก็ได้ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่  แต่ผมกลัวคุณพ่อจะหัวเราะเยาะ....?  พูดแล้วเด็กก็ส่งรูปไม้แกะสลักรูปหนึ่งให้คุณพ่อ

“เธอแกะรูปนี้ด้วยมือเธอเองหรือ?”

“ครับ…”

แต่นี่แสดงว่าฝีมือเธอดีมาก  ถ้าได้รับการฝึกฝนอีกสักหน่อย  พ่อจะเจรจากับลุงของเธอเพื่อให้เธอได้เรียนวิชาช่างในโรงเรียนฝึกอาชีพ  เธอจะได้ปั้น  ได้แกะสลักไม้และหินอ่อนกับนักเรียนเหล่านั้น...  เอ้า!  พาพ่อไปพบลุงของเธอหน่อยซิ”

“ตั้งแต่นั้น  จิตรก็ได้ฝึกวิชาช่างปั้นแกะสลักในโรงเรียนอาชีวะของคุณพ่อชาลี   ฝีมือของเขาดีขึ้นทุกทีเพราะได้รับการฝึกซ้อมอยู่เสมอ  วันหนึ่งเขาบอกพวกเพื่อนว่า  “ฉันจะแกะรูปพระมารดาสำหรับประกอบถ้ำพระกุมาร”

“หน้าอย่าเธอน่ะหรือจะแกะรูปพระมารดา?”  พวกเพื่อนหัวเราะเยาะ

หลังจากนั้น  อีกสองสัปดาห์จะถึงวันฉลองคริสต์สมภพ  เหตุการณ์ที่น่าเศร้าก็เกิดขึ้น  จิตรหนีไปจากโรงเรียน  ข้างเตียงนอนของเขามีรูปสลักซึ่งหักชำรุดแหว่งวิ่นใช้การไม่ได้ทิ้งอยู่  คุณพ่อชาลีเสียใจมากที่ปรากฏว่าเงินในลิ้นชักของเธอก็ได้หายไป   แต่เธอไม่ปริปากเล่าให้ใครฟังถึงเรื่องเงินหาย   ต่อมาอีกสองปี  ในโอกาสราตรีพระคริสต์สมภพ  คุณพ่อก็ได้รับของห่อใหญ่ทางไปรษณีย์  พร้อมด้วยจดหมายฉบับหนึ่ง  คุณพ่อเปิดซองจดหมายนั้นและจำได้ว่าเป็นลายมือของจิตร   ใจความในจดหมายมีดังต่อไปนี้ :  “คุณพ่อที่เคารพ  ผมเสียใจที่ทำให้คุณพ่อได้ผิดหวัง  ผมไม่สามารถแกะรูปพระมารดาให้ดีได้ดังที่ได้สัญญาไว้  ผมจึงขโมยเงินของคุณพ่อหนีไปเรียนวิชาแกะสลักต่อ  บัดนี้ผมได้แกะอนุสาวรีย์รูปพระมารดาซึ่งใครเห็นก็ชมว่าสวยมาก   ผมจึงส่งอนุสาวรีย์มาถวายคุณพ่อพร้อมกับคืนเงินที่ได้ขโมยไปจากคุณพ่อ   ระหว่างนี้รูปแกะสลักของผมกำลังขายดีมาก   ผมจะกลับมาหาคุณพ่อ  ใคร่ทราบว่าคุณพ่อยกโทษให้ผมหรือไม่...”

อนุสาวรีย์นั้นสลักจากหินอ่อน  เป็นศิลปกรรมของปฏิมากรฝีมือยอดเยี่ยม  คุณพ่อนำอนุสาวรีย์เข้าไปในวัดขณะที่นักเรียนกำลังช่วยกันสร้างถ้ำพระกุมาร  คุณพ่อประกาศให้ทุกคนทราบข่าวดี  “นี่แนะนักเรียนทั้งหลาย   คืนนี้เราจะได้พบกับนายช่างผู้สลักอนุสาวรีย์นี้   เขาจะมาพบพวกเราที่นี่”

คืนนั้นเมื่อจิตรมาถึงแล้ว  พวกเพื่อนนักเรียนก็ได้เห็นเขาเป็นชายหนุ่มสูงสง่าคนหนึ่งซึ่งคุกเข่าก้มศีรษะ  ยกมือปิดหน้าร้องไห้ขณะที่คุณพ่อทำพิธีเสกอนุสาวรีย์ในวัด 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

MOSCOW

ช่วงชีวิตหนึ่งของผม

กองหน้าร่าเริง - เจ้าชายสามพี่น้อง