กองหน้าร่าเริง - มิตรภาพ
มิตรภาพ
จากหนังสือ"กองหน้าร่าเริง"ฉบับที่ ๒๐๔
ณ กาลครั้งหนึ่ง มีเด็กชายเล็ก ๆ คนหนึ่งซึ่งเล่นไวโอลินเก่งมาก ความไพเราะของเสียงไวโอลินที่เขากำลังเล่นอยู่นั้นสามารถเรียกให้นกทั้งหมดซึ่งกำลังอยู่ในบริเวณนั้นมาร่วมร้องเพลงประสานเสียงไวโอลิน และบรรดาสัตว์ในป่าละเมาะใกล้เคียงก็ต้องตะแคงหูฟังการบรรเลงอันสุดแสนไพเราะนั้น
วันหนึ่งเด็กชายเล็ก ๆ อีกคนหนึ่งได้เดินผ่านกำแพงลบ้านที่นักไวโอลินกำลังบรรเลง ความไพเราะของไวโอลินทำให้เด็กชายแปลกหน้าต้องทรุดกายลงนั่งพิงกำแพงและตั้งใจฟังจนกระทั่งการบรรเลงยุติลง
เด็กนักไวโอลินเห็นเด็กแปลกหน้าก็ร้องทักทายปราศรัย
“สวัสดี!”
“สวัสดี!” เด็กแปลกหน้าตอบ “เธอเล่นได้เพราะมาก เล่นอีกหน่อยไม่ได้หรือ?”
“ไม่ได้หรอก ฉันต้องกลับไปบ้านเดี๋ยวนี้ เพราะคุณแม่กำลังคอย พรุ่งนี้ฉันจะมาเล่นอีก”
วันรุ่งขึ้น เด็กนักไวโอลินมาถึงที่กำแพงนั้น ก็ปรากฏว่าเด็กแปลกหน้าได้มาคอยอยู่ก่อนแล้ว
เขาเริ่มบรรเลง และฝูงนกก็พากันมาจับกลุ่มร้องเพลงประสานเสียงตามเคย เมื่อการบรรเลงจบลงแล้วเด็กทั้งสองก็ยิ้มแย้มปราศรัยกัน เด็กนักไวโอลินถามว่า “เธอเล่นไวโอลินเป็นมิใช่หรือ?”
เด็กแปลกหน้าไม่ได้โต้ตอบ เขาเล่นไวโอลินไม่เป็นเลยและแม้แต่โรงเรียนก็ยังไม่เคยไป เขาเป็นลูกชาวนา ต้องเลี้ยงหมูเป็ดไก่และวัว บิดาก็เป็นชาวนายากจนมาก
วันรุ่งขึ้น เมื่อเด็กนักไวโอลินมาบรรเลงตามเคย เขาก็ชะโงกดูที่เชิงกำแพง แต่ก็ไม่ปรากฏเด็กแปลกหน้า นักไวโอลินรู้สึกเศร้าใจมาก เขาจึงบรรเลงเพลงเศร้าสุดซึ้งอันเป็นเหตุให้สัตว์ทั้งหลายได้ฟังแล้วก็ต้องหลั่งน้ำตา...
วันต่อไป ก็ไม่ปรากฏว่าเด็กแปลกหน้ามานั่งฟังการบรรเลง เด็กนักไวโอลินอดรนทนไม่ไหวจึงกระโดดลงจากกำแพงและเที่ยวตามหาเด็กแปลกหน้าทันที
ในที่สุดก็ไปพบเด็กแปลกหน้านั่งเศร้าอยู่ข้างบ่อน้ำแห่งหนึ่ง
“ฉันคอยเธอถึงสองวันแล้ว! ทำไมเธอจึงไม่ไปฟังฉันบรรเลง?”
“ฉันเล่นไวโอลินไม่เป็น และไม่เคยไปโรงเรียนด้วย ฉันเป็นเพียงลูกชาวนาคนหนึ่ง ฉันจึงไม่กล้าคบหาสมาคมกับเธอ”
“เธอมีไร่นา มีสัตว์เลี้ยง! ฉันยังไม่เคยเห็นนาเลย เธอจะช่วยพาฉันไปดูนาของเธอหน่อยได้ไหม?”
เด็กชาวนาก็พาเด็กนักดนตรีไปเที่ยวบ้านนาของเขา
“เธอทำงานที่นานี่ นับว่าเธอได้บำเพ็ญประโยชน์ ผลิตอาหารเลี้ยงเพื่อนมนุษย์... เธอมีความสำคัญมากกว่าฉันซึ่งเป็นแต่เล่นไวโอลิน”
“แต่เสียงดนตรีที่เธอบรรเลงทำให้เพื่อนมนุษย์มีความสุขความเพลิดเพลิน... เธอก็ทำประโยชน์ให้แก่โลกมิใช่น้อย”
วันรุ่งขึ้น เด็กนักดนตรีก็บรรเลงไวโอลินบนกำแพงด้วยความสุขใจอย่างยิ่ง ทั้งนี้เพราะเขาได้เพื่อนคนหนึ่ง และเพื่อนคนนี้ก็คือลูกชาวนาซึ่งนั่งฟังการบรรเลงด้วยความสุขใจเหลือประมาณเช่นกัน


ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น