กองหน้าร่าเริง - สาวน้อยเลี้ยงแกะกับหนุ่มหน้ามอม

 

สาวน้อยเลี้ยงแกะกับหนุ่มหน้ามอม

จากหนังสือ "กองหน้าร่าเริง"  ฉบับที่ ๑๙๘

นห้องรับแขกมีตู้เก่า ๆ ใบหนึ่ง ... ในตู้มีหน้าชายผู้หนึ่งโผล่ออกมาท่ามกลางหน้าต่างซึ่งประดับด้วยดอกกุหลาบและทิวลิพ  พวกเด็ก ๆ เรียกชายผู้นี้ว่านายพลหน้าทะเล้น  เพราะเขายิ้มอยู่ตลอดกาล  และเพ่งเล็งมองลงมายังหน้ากระจกบานใหญ่ ซึ่งมีสาวน้อยเลี้ยงแกะ  ทั้งเนื้อทั้งตัวเป็นกระเบื้องสวยกระจุ๋มกระจิ่มผู้หนึ่งยืนอยู่เคียงข้างหนุ่มน้อยหน้ามอมตัวดำปิ๊ดปี๋ เพราะมีอาชีพทำความสะอาดปล่องไฟตามหลังคาบ้าน  เนื้อตัวต้องคลุกเขม่าอยู่เป็นเนืองนิจ  หนุ่มน้อยหน้ามอมก็คือชนเผ่ากระเบื้อง   สัญชาติกระเบื้อง  เชื้อชาติกระเบื้อง  เช่นเดียวกับสาวน้อยเลี้ยงแกะ

หนุ่มน้อยหน้ามอมยืนพิงบันไดสำหรับปีนป่ายขึ้นไปทำความสะอาดปล่องไฟอย่างสง่าผ่าเผย  เขากับสาวน้อยช่างสมกันเสียนี่กระไร  ร่างตุ๊ต๊ะใหญ่โตอีกร่างหนึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลหนุ่มสาวคู่นี้  ร่างนี้ก็คือตาแป๊ะผู้ชราซึ่งทำหน้าที่เป็นคุณตาของสาวน้อย  ส่วนที่ว่าแกเป็นคุณตาจริงหรือไม่นั้นยังเป็นเรื่องต้องพิสูจน์ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม  ตาแป๊ะผู้นี้ก็วางตัวเป็นผู้ปกครองของสาวน้อยอยู่เสมอ  เมื่อนายพลหน้าทะเล้นเอ่ยปากของแต่งงานกับเจ้าหล่อน  ตาแป๊ะซึ่งพยักหน้าได้ก็พยักหงึก ๆ เป็นสัญญาณว่าเห็นชอบด้วยทุกประการ

“แต่หนูไม่ต้องการเข้าไปอยู่ในตู้อุดอู้อย่างนั้นนี่คะ  คุณตา”  สาวน้อยประท้วงด้วยเสียงสั่นจะร้องไห้   “แล้วอีกประการหนึ่งก็คือนายพลหน้าทะเล้นผู้นี้มีภรรยาอยู่แล้วตั้งสิบเอ็ดคน!”

“เลี้ยวมังจาเป็งอาลายปายล่ะ  อีหลู?  ลื้อก็เป็งคงที่สิกโสงก็เลี้ยวกังนี่นา”  ตาแป๊ะตอบพลางพยักหน้าหงึก ๆ แล้วก็ม่อยหลับไปอีก

สาวน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้นและหันมาวิงวอนชายหนุ่มหน้ามอม  “ได้โปรดเถิด”  เจ้าหล่อนสะอื้นพูดกับเขา  “ช่วยพาฉันไปสู่โลกภายนอกอันไพศาลให้พ้นจากขุมนรกนี้ทีเถิด  เธอเจ้าขา”

“ฉันจะทำทุกอย่างที่เธอปรารถนา”  ชายหนุ่มหน้ามอมตอบสาวน้อย  “มาซิ  เราไปกันเดี๋ยวนี้แหละ!”

เขาพยุงเจ้าหล่อนให้ไต่ตามเขาไปยังพื้นเบื้องล่าง  ทันใดนั้นคนทำสวนซึ่งกำลังตัดหญ้าอยู่กลางสนามก็ร้องเอะอะปลุกตาแป๊ะ

“เร็ว ๆ เข้าเถอะตาแป๊ะ ! หนุ่มหน้ามอมกำลังพาหลานสาวแกหนี...”

ตาแป๊ะสะดุ้งตกใจและกระโจนโครมลงมายังพื้นเบื้องล่างเสียงดังโก๊ก

“เรากำลังถูกติดตาม !”  สาวน้อยร้องบอกชายหนุ่ม   “เร็วซีคะ  รีบพาฉันไปสู่โลกภายนอกอันไพศาล”

“เธอกล้าพอที่จะออกไปเผชิญโลกกับฉันหรือ  สุดที่รัก?”  ชายหนุ่มหน้ามอมถามเพื่อความแน่ใจ

“กล้าซีคะ”  เจ้าหล่อนตอบ

“ถ้ายังงั้นเราก็ต้องปีนขึ้นไปออกทางปล่องไฟ”    ชายหนุ่มหน้ามอมพูดแล้วพาสาวน้อยเข้าไปในเตา  ซึ่งไฟดับและเย็นแล้ว  เขานำเจ้าหล่อนปีนป่ายขึ้นไปตามปล่องอันมืดมิดและเต็มไปด้วยเขม่าสีดำ

“ดูซิ  สุดที่รัก !”  เขากระซิบ   “ดาวดวงหนึ่งส่องแสงเจิดจ้าอยู่บนท้องฟ้าโน่นแน่ะ  มันเป็นดาวดวงเด่น  แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่สุกสกาวเท่าประกายแห่งดวงตาเธอ!”

ทั้งสองพากันปีนป่ายขึ้นไปจนถึงปากปล่องไฟ  และต้องทรุดกายลงนั่งอยู่บนนั้นด้วยความเหน็ดเหนื่อย  สาวน้อยซบหน้าลงบนไหล่ชายหนุ่มหน้ามอม  พลางร้องไห้กระซิก ๆ

“ฉันเดินทางต่อไปไม่ไหวแล้ว”  เจ้าหล่อนพูด   “โลกภายนอกกว้างใหญ่ไพศาลเกินกว่าที่ฉันเคยนึกคิดมากนัก...  ช่วยพาฉันกลับไปอยู่หน้ากระจกเงาตามเดิมทีเถิดนะคะ  คนดี”

ชายหนุ่มหน้ามอมพยายามปลอบใจเกลี้ยกล่อม  แต่เจ้าหล่อนก็คงยืนกรานจะกลับไปอยู่หน้ากระจกเงาอยู่นั่นเอง  เมื่อเจ้าหล่อนร้องไห้สะอึกสะอื้นหนักขึ้น  ชายหนุ่มก็จำต้องพาเจ้าหล่อนกลับลงไปทางเก่า  ทั้งสองก็ต้องยืนงงอยู่ในความมืดชั่วครู่หนึ่ง   ภายในห้องนั้นเงียบสงัด  เมื่อหนุ่มสาวโผล่หน้าออกจากเตาไฟก็ได้ประสบภาพอันน่าสยดสยองเหลือล้นพ้นประมาณภาพหนึ่ง  ภาพนั้นคือตาแป๊ะแกนอนคอขาด  ขาขาด  รวมเป็นสามท่อนอยู่บนโต๊ะ !

“ว้าย !  คุณตาตายแล้ว !”  สาวน้อยเลี้ยงแกะส่งเสียงร้องกรีดและตีอกชกหัวตนเอง   “คุณตาตกลงมาคอขาด  ขาหลุด  ก็เพราะเราเป็นต้นเหตุ !”

“ไม่เป็นไรหรอก  ที่รัก”  ชายหนุ่มหน้ามอมปลอบ   “เราจะใช้หมุดตอกยึดคุณตาให้คงรูปตามเดิม”

“จริงหรือคะ?”  สาวน้อยถาม

ทั้งสองปีนขึ้นไปบนโต๊ะ  ช่วยกันเอาปูนซีเมนต์ผสมน้ำทาหลังและขาตาแป๊ะตรงที่หัก  และเอาหมุนตรึงให้คอของแกติดตั้งอยู่บนบ่าตามเดิม   ตาแป๊ะก็แลดูเหมือนตาแป๊ะคนเก่า  ยกเว้นเสียแต่ตรงที่แกพยักหน้าไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน  ทั้งนี้ก็เพราะคอของแกถูกหมุดยึดจึงแข็งทื่อ

“ตั้งแต่แกเป็นลมหน้าคะมำคอหัก  แกก็เลยกลายเป็นตาแป๊ะเย่อหยิ่ง  นั่งหน้าบึ้งปึ่งชา   ก้มศีรษะให้เกียรติแก่ฉันไม่ได้อีกเลยเทียวนะ”   นายพลหน้าทะเล้นต่อว่าตาแป๊ะ  และคาดคั้นต่อไป  “แกจะยกสาวน้อยร้อยชั่งให้ฉันหรือไม่  ฮึ?”

ชายหนุ่มหน้ามอมกับสาวน้อยเลี้ยงแกะหันไปมองดูตาแป๊ะ  เขาต่างก็เกรงว่าแกจะพยักหน้าแสดงความยินยอมพร้อมใจอีก  แต่ปรากฏว่าตาแป๊ะนั่งเฉยเอาหูทวนลม  เพราะแกเองก็มีความหยิ่งพยองเกียรติ  ไม่ยอมปริปากบอกนายพลหน้าทะเล้นว่าคอแกแข็งทื่อพยักหน้าไม่ได้นั้นเนื่องจากถูกหมุดตรึงอยู่ข้างใน

ดังนั้นชายหนุ่มหน้ามอมกับสาวน้อยเลี้ยงแกะจึงอยู่ด้วยกันต่อไปโดยไม่มีใครมาขัดขวาง  ทั้งสองมีความสุขมาก  และพอใจที่คุณตาก็ไม่นิยมยินดีที่จะได้นายพลหน้าทะเล้นมาเป็นหลานเขยอีกแล้ว   หนุ่มสาวจึงครองรักสมัครสมานอยู่ด้วยกันชั่วกาลนาน  และเมื่อครบรอบปีที่ยี่สิบห้าแห่งชีวิตสมรสของเขา  บรรดาลูกหลานเจ้าของบ้านก็เชิญเพื่อนนักเรียนมาร้องเพลงรื่นเริงยินดี  เนื่องด้วยวันนั้นบังเอิญตรงกับวันที่เด็กเหล่านั้นเพิ่งกลับมาจากโรงเรียนและได้ทราบผลการสอบไล่ว่าทุกคนสอบได้.... 

 


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

MOSCOW

ช่วงชีวิตหนึ่งของผม

กองหน้าร่าเริง - เจ้าชายสามพี่น้อง