บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มิถุนายน, 2023

กองหน้าร่าเริง - เจ้าชายสามพี่น้อง

รูปภาพ
เจ้าชายสามพี่น้อง จากหนังสือ "กองหน้าร่าเริง" ฉบับที่ ๑๙๘ น านมาแล้ว ณ อาณาจักรแห่งหนึ่งในทวีปอาเซียกลาง ... มีเจ้าชายสามพี่น้องซึ่งต้องการเป็นวีรบุรุษ แต่โอกาสที่จะประกอบวีรกรรม มิใช่จะมีให้ทุกวัน ดังนั้นสามพี่น้องจึงได้แต่คอย – คอย – คอย ... วันหนึ่งมีข่าวร้ายแพร่มาว่า ธิดาของพระราชาแห่งประเทศข้างเคียงได้หายสาบสูญไปอย่างลึกลับ และพระราชานั้นได้ประกาศให้รางวัลแก่ผู้ที่สามารถนำราชธิดากลับคืนมา รางวัลที่ตั้งไว้คือกึ่งหนึ่งของราชอาณาจักร และการอภิเษกสมรสเป็นคู่ครองกับราชธิดา เจ้าชายสามพี่น้องได้ข่าวก็ออกเดินทางเที่ยวค้นหาพระราชธิดาทันที เขาพากันเดินทางไปหลายวันจึงไปถึงแดนทองแดง เจ้าคนหัวปีพูดว่า “เจ้าหญิงคงอยู่ในแดนนี้ทีเดียว...” แต่น้องชายทั้งสองค้านว่า “เธอคงถูกนำพาไปไกลกว่านี้” เจ้าชายองค์หัวปีตกลงหยุดพำนักอยู่ ณ แดนทองแดงนั้น ส่วนน้องชายสองคนก็ออกเดินทางต่อไป หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ทั้งสองก็ไปถึงแดนเงิน เจ้าชายองค์ที่สองพูดว่า “เจ้าหญิงคงอยู่ในแดนเงินนี้เป็นแน่” แต่เจ้าชายองค์ที่สามไม่เห็นด้วย และออกเดินทางต่อไป ปล่อยให้เจ้าชายองค์ที่สองพักอยู่ที่แดนเงิ...

กองหน้าร่าเริง - วีรกรรมของเด็กน้อย

รูปภาพ
  วีรกรรมของเด็กน้อย จาก "กองหน้าร่าเริง" ฉบับที่ ๑๗๙   เ รื่องนี้เกิดขึ้นในประเทศฝรั่งเศส  คือเรื่องเกี่ยวกับประภาคารแห่งเดอร์โดนิส ซึ่งปลุกโลหิตในกายเราให้พลุ่งพล่าน  และทำให้เรารู้สึกภูมิใจในศักดิ์ศรีมนุษยชน ประภาคาร (หรือกระโจมไฟ) แห่งเดอร์โดนิสนี้มีผู้รักษา คือ นายประภาคารพร้อมด้วยภรรยา และบุตรสองคน  บุตรคนโตอายุเพิ่งสิบขวบ วันหนึ่งในฤดูหนาว  นายประภาคารต้องตากลมทำงานกลางแจ้ง  เพื่อซ่อมแซมโคมไฟมหึมาของประภาคาร  เขาตรากตรำมากจึงล้มเจ็บเป็นไข้หวัดอย่างแรง  แล้วเลยกลายเป็นโรคปอดบวม  สถานที่ตั้งประภาคารนั้นเปล่าเปลี่ยว  อ้างว้าง  อยู่ห่างไกลชุมชน  ไม่มีแพทย์  ไม่มีสถานพยาบาล ไม่มีเพื่อนบ้านแม้แต่คนเดียวในย่านนั้น   ภรรยาของนายประภาคารก็ได้แต่ใช้ยากลางบ้านพอกที่อกสามีและต้มน้ำร้อนให้ดื่ม  ครั้นถึงเวลาค่ำนางก็ต้องผละจากสามีไปจุดโคมบนยอดประภาคาร  เมื่อนางกลับมาก็ได้เห็นอาการของสามีหนักเพียบลงทุกที  ทันใดบุตรทั้งสองก็ร้องบอกมาว่า  “แม่จ๋า ! โคมไฟไม่หมุน !” โคมไฟของประภาคารนั้น  ตามปกติจะต้อง...

กองหน้าร่าเริง - เชิญฟังเพลง

รูปภาพ
  เชิญฟังเพลง  จาก "กองหน้าร่าเริง" ฉบับที่ ๑๗๕       

กองหน้าร่าเริง - วานรกับกล้วยหอม

รูปภาพ
  วานรกับกล้วยหอม จาก "กองหน้าร่าเริง" ฉบับที่ 176   เจี๊ยกครอก จ๋อสกุล เป็นลิงวัยรุ่น  มันกำลังอยู่บนกิ่งไม้  ข้างตัวมันมีกล้วยหอมอยู่หวีหนึ่ง “ฉันอยากรู้นักว่าฉันมีกล้วยหอมอยู่กี่ผล.....”  เจี๊ยกครอกรำพึงรำพัน  แล้วก็ตั้งต้นนับกล้วยหอม  “หนึ่ง  สอง  สาม....”  นับหนึ่งถึงสามแล้วมันก็หยุด  เพราะไม่สามารถจะนับต่อไปได้  เจี๊ยกครอกสามารถนับได้แค่สามเท่านั้นเอง  “ฉันต้องไปหาใครสักคนหนึ่งที่เป็นนักคำนวณ  เพื่อเขาจะได้ช่วยนับให้ฉันรู้จำนวนแท้จริงของกล้วยหอม”  เจี๊ยกพูดกับตนเองแล้วก็เที่ยวมองหาผู้ที่สามารถนับเกินกว่าสาม มันไปพบ ศศิ หมายชมจันทร์  ซึ่งเป็นกระต่ายหนุ่มนักศึกษา แต่ทว่าได้ถูกคัดชื่อออกจากมหาวิทยาลัยแล้ว  เพราะชอบหลับอยู่ในห้องเป็นเนืองนิตย์  ศศิกำลังจะเดินข้ามทางไปยังอีกฟากหนึ่งของป่าละเมาะ “ฮัลโหล !  ศศิ !”   เจี๊ยกครอกร้องเรียก ศศิหยุดคอยฟังว่าเจี๊ยกครอกจะต้องการอะไร “ฉันจะช่วยอะไรท่านได้บ้าง?”  ศศิถามเป็นสำนวนฝรั่ง “ช่วยนับกล้วยหอมหวีนี้ทีเถอะ  ฉันอยากรู้ว่ามีกี่ผลด้วยกั...

กองหน้าร่าเริง - บัวกลางบึง

รูปภาพ
  บัวกลางบึง   จาก "กองหน้าร่าเริง" ฉบับที่ ๑๗๘   “หริชัย  ลูกของเราเป็นเด็กฉลาดและแข็งแรง”  พระราชาแห่งโยนกนาคนครรำพึงอยู่ในใจ  ขณะที่เฝ้ามองดูโอรสของพระองค์วิ่งเล่นอยู่ในราชอุทยานอันกว้างใหญ่และสวยงาม  “เวลานี้หริชัยครบแปดขวบแล้ว  นับว่าเป็นวัยอันควรจะได้รับการศึกษา...   เรามองดูแล้วก็ยังไม่เห็นขุนนางคนไหนมีคุณวุฒิสมควรจะเป็นอาจารย์สอนลูกเราได้เลยแม้แต่คนเดียว...” ทันใดนั้น  เจ้าชายหริชัยก็วิ่งเข้ามาหาพระราชบิดา “เสด็จพ่อ  นี่ไงล่ะ  ผีเสื้อที่ลูกจับได้  ลูกจะขังมันไว้ในกรงทอง  เพื่อดูว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป” “ลูกเอ๋ย  ผีเสื้อย่อมต้องการอิสรภาพ   มันต้องมีดอกไม้ และที่กว้าง ๆ สำหรับบินไปมาตามความพอใจของมัน   แต่เหตุไฉนลูกจึงจะขังมันให้หมดอิสรภาพ?” “แต่กรงที่ลูกจะใส่มันไม่ใช่ที่คุมขังธรรมดานะ  เสด็จพ่อ...  กรงนี้สวยงามมาก  และลูกจะเลือกดอกไม้สวยที่สุดใส่ไว้ในกรงด้วย...” “หริชัย  ลูกควรเข้าใจนะว่า  ที่คุมขังทำด้วยทอง  ก็ยังคงเป็นที่คุมขังอยู่นั่นแหละ  มันจะเป็นอื่นไม่ไ...

กองหน้าร่าเริง - อย่าเห็นแก่ตัวมากเกินไป

รูปภาพ
  อย่าเห็นแก่ตัวมากเกินไป   จากหนังสือ "กองหน้าร่าเริง"  ฉบับที่ ๑๘๔   น านมาแล้วในสมัยที่สัตว์ต่าง ๆ พูดเข้าใจภาษาซึ่งกันและกัน มีนกกระตั้วตัวหนึ่ง รูปร่างใหญ่โต อ้วน และฉลาดมาก  อายุของนกกระตั้วตัวนี้ได้สองขวบแล้ว และมันก็สามารถพาตัวมันหลบเลี่ยงพ้นจากกรงเล็บอันแหลมคมของบรรดานกใหญ่ รอดตายมาได้หลายครั้งเพราะความฉลาดรู้จักเอาตัวรอด    ครั้งหนึ่ง ขณะที่นกกระตั้วเจ้าปัญญาตัวนี้กำลังหากินอยู่ในไร่ข้าวโพดกับพวกพี่น้องของมันซึ่งไปกันเป็นฝูงอยู่นั้น ปรากฏว่าเจ้าของไร่ข้าวโพดได้ขึงข่ายดักนกไว้ และพี่น้องของนกกระตั้วตัวนั้นทั้งฝูงได้ถลำเข้าไปติดข่าย ถูกเจ้าของไร่จับตัวไปได้ทั้งหมด คงเหลือแต่นกกระตั้วเจ้าปัญญาเท่านั้นที่หลบหลีกไม่ยอมเข้าไปใกล้ และดำรงอิสรภาพของมันไว้ได้ด้วยไหวพริบ  มันอาจจะแนะนำเตือนสติพี่น้องของมันได้ แต่ความใจจืดใจดำของมัน ทำให้มันละเลย ไม่ยอมช่วยพี่น้อง ทั้งนี้ เพราะมันคิดเห็นแต่ตัวมันเท่านั้น ต่อมา นกกระตั้วเจ้าปัญญานึกอยากออกหากินแต่ตามลำพัง โดยไม่เข้าฝูงกับบรรดาเพื่อนของมัน “ถ้าฉันยังขืนออกหากินร่วมกับพวกนั้น โอกาสที่จะถูกจับเป็นภักษา...

กองหน้าร่าเริง - สาวน้อยเลี้ยงแกะกับหนุ่มหน้ามอม

รูปภาพ
  สาวน้อยเลี้ยงแกะกับหนุ่มหน้ามอม จากหนังสือ "กองหน้าร่าเริง"  ฉบับที่ ๑๙๘ ใ นห้องรับแขกมีตู้เก่า ๆ ใบหนึ่ง ... ในตู้มีหน้าชายผู้หนึ่งโผล่ออกมาท่ามกลางหน้าต่างซึ่งประดับด้วยดอกกุหลาบและทิวลิพ  พวกเด็ก ๆ เรียกชายผู้นี้ว่านายพลหน้าทะเล้น  เพราะเขายิ้มอยู่ตลอดกาล  และเพ่งเล็งมองลงมายังหน้ากระจกบานใหญ่ ซึ่งมีสาวน้อยเลี้ยงแกะ  ทั้งเนื้อทั้งตัวเป็นกระเบื้องสวยกระจุ๋มกระจิ่มผู้หนึ่งยืนอยู่เคียงข้างหนุ่มน้อยหน้ามอมตัวดำปิ๊ดปี๋ เพราะมีอาชีพทำความสะอาดปล่องไฟตามหลังคาบ้าน  เนื้อตัวต้องคลุกเขม่าอยู่เป็นเนืองนิจ  หนุ่มน้อยหน้ามอมก็คือชนเผ่ากระเบื้อง   สัญชาติกระเบื้อง  เชื้อชาติกระเบื้อง  เช่นเดียวกับสาวน้อยเลี้ยงแกะ หนุ่มน้อยหน้ามอมยืนพิงบันไดสำหรับปีนป่ายขึ้นไปทำความสะอาดปล่องไฟอย่างสง่าผ่าเผย  เขากับสาวน้อยช่างสมกันเสียนี่กระไร  ร่างตุ๊ต๊ะใหญ่โตอีกร่างหนึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลหนุ่มสาวคู่นี้  ร่างนี้ก็คือตาแป๊ะผู้ชราซึ่งทำหน้าที่เป็นคุณตาของสาวน้อย  ส่วนที่ว่าแกเป็นคุณตาจริงหรือไม่นั้นยังเป็นเรื่องต้องพิสูจน์ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม...

กองหน้าร่าเริง - เสนาบดีสี่สหาย

รูปภาพ
  เสนาบดีสี่สหาย จากหนังสือ "กองหน้าร่าเริง"  ฉบับที่ ๒๐๖   นานมาแล้ว  กษัตริย์ผู้ครองเมืองพาราณสี  มีเสนาบดีสี่คนซึ่งเฉลียวฉลาดมาก  แต่ไม่ยอมพูดป้อยอกษัตริย์ผู้นั้นเลย   เสนาบดีทั้งสี่พูดแต่ความจริง  วันหนึ่งกษัตริย์ต้องการขึ้นภาษีแก่ราษฎร   เพราะรายจ่ายของบ้านเมืองขณะนั้นกำลังจะสูงกว่ารายรับ   พระองค์จึงปรึกษาเสนาบดีทั้งสี่ “ขอเดชะ  ข้าพเจ้าใคร่ถวายคำแนะนำว่าไม่ควรขึ้นภาษีเลย...”   เสนาบดีทั้งสี่ลงความเห็นอย่างเดียวกันทั้งนั้น  คือคัดค้านการขึ้นภาษี   ทั้งนี้เป็นเหตุให้กษัตริย์กริ้วโกรธมาก “พวกท่านไม่เคยเห็นชอบกับความคิดของเราเลย”  กษัตริย์ตรัสด้วยสุระเสียงเกรี้ยวกราด  “พวกท่านไม่ควรได้รับตำแหน่งสมบูรณ์เกียรติใกล้ชิดเราซึ่งเป็นราชาแห่งแคว้นนี้อีกต่อไป   เราถอดท่านทั้งสี่ออกจากยศ  ตำแหน่งหน้าที่  และริบทรัพย์ที่เราได้ประทานให้ท่านคืนเข้าสู่ท้องพระคลัง  ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ! เสนาบดีทั้งสี่ถูกขับไล่ออกจากนครพาราณสีทันที   ขณะที่เขาพากันไปตามทางด้วยความเศร้าสร้อย ระทมทุกข์ก็ได้พบรอย...

กองหน้าร่าเริง - เยนกิสข่าน

รูปภาพ
  เยนกิสข่าน  จากหนังสือ "กองหน้าร่าเริง"  ฉบับที่ ๑๙๖ มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า..... วันหนึ่ง เยนกิสข่าน มหาราช ได้ไปล่าสัตว์ในป่าและหลงทางต้องกลับตามลำพังคนเดียว  ทั้งนี้เพราะความเพลิดเพลินในการไล่ติดตามสัตว์จนพลัดกับขบวนข้าราชบริพาร เหยี่ยวของเยนกิสข่าน  บินวนเวียนรอบตัวเจ้าของซึ่งกำลังนั่งอยู่บนหลังม้าและมีอาการกระหายน้ำยิ่ง  เยนกิสข่านพยายามหาน้ำเพื่อดื่มดับกระหาย  ในที่สุดก็ได้พบน้ำหยดลงมาจากก้อนหินใหญ่ข้างทาง  จึงเอาถ้วยออกรองรับน้ำทีละหยดและได้น้ำเกือบถึงครึ่งถ้วย  เมื่อเยนกิสข่านยกถ้วยน้ำขึ้นจะดื่ม  เหยี่ยวก็บินโผลงมาเอาปีกตีถ้วยน้ำหกหมด เยนกิสข่านพยายามรองน้ำทีละหยดนั้นและจะดื่มอีกสามครั้ง  ก็ปรากฏว่าถ้วยน้ำถูกเหยี่ยวใช้ปีกตีตกทั้งสามครั้งติด ๆ กัน  ทั้งนี้เป็นเหตุให้กษัตริย์นักรบผู้กระหายบันดาลโทสะสุดขีด  ถึงกับชักดาบออกเตรียมไว้  ขณะที่ยกถ้วยน้ำจะดื่มเป็นครั้งที่สี่  เหยี่ยวตัวนั้นก็โผลงมาปัดถ้วยน้ำกระเด็นตกลงไปในเหวลึกเบื้องล่าง  พร้อมกันนั้นดาบในมือเยนกิสข่านก็ฟาดฉับลงไปผ่ากลางตัวเหยี่ยวออกเป็...

กองหน้าร่าเริง - สวนสัตว์ของลูอิส

รูปภาพ
  สวนสัตว์ของลูอิส จากหนังสือ "กองหน้าร่าเริง" ฉบับที่ ๒๐๗ น านมาแล้วในประเทศสวิทเซอร์แลนด์มีเด็กชายคนหนึ่งชื่อ ลูอิส อากัสชิส  วันหนึ่งขณะที่ลูอิสกำลังช่วยมารดาของเขาทำงานอยู่ในครัว เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าวิ่งมาหยุดที่หน้าบ้าน ลูอิสรีบวิ่งไปเปิดประตูและได้พบกับสหายคนหนึ่งของบิดาซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม “ลุงบรูโน” “สวัสดีครับ คุณลุงบรูโน” ลูอิสปราศรัยด้วยมารยาทอันดี “คุณพ่อยังไม่กลับมาจากในเมืองครับ.. เชิญลุงคอยสักครู่เถิด ในไม่ช้าคุณพ่อก็จะกลับมา และระหว่างที่คุณลุงคอย ผมก็มีของดีให้คุณลุงชมแก้รำคาญ...” ลูอิสนำลุงบรูโนเข้าไปในห้องหนึ่งซึ่งเขากับน้องชายได้ถือวิสาสะเอาหีบไม้บรรจุเต่าตัวเล็ก ๆ จำนวนมากเข้าไปเก็บไว้ใต้โต๊ะระหว่างที่บิดาไม่อยู่บ้าน ลูอิสชี้แจงว่าเขากำลังรวบรวมสัตว์เลี้ยงนานาชนิดไว้เพื่อจะเปิดสวนสัตว์ไว้ต้อนรับประชาชนซึ่งคงจะไม่รังเกียจที่จะสละเงินค่าผ่านประตูเพียงเล็กน้อยในการเข้าชมสวนสัตว์ขนาดจิ๋วของเขาในไม่ช้า ลูอิสมอบหมายให้น้องชายดูแลเต่าเหล่านั้น ขณะที่เขาพาลุงบรูโนไปชมสถานที่เลี้ยงนกของเขาในเรือนเล็กหลังตึกใหญ่ ณ เรือนเล็กดังกล่าวนี้เต็มไปด้วยนำใหญ่น้อยส...